วันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Project 2 (SKINFOOD)

Project 2

วิชา : ARTI3410

โดย นางสาว ดารดา วิจิตรทองแสง

สาขาวิชา ศิลปกรรม (ออกแบบประยุกต์ศิลป์)

ภาควิชามนุษยศาสตร์คณะ มนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์

มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม

ผู้สอน อาจารย์จารุณี เนตรบุตร

ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553

SkinFood (สกินฟู้ด)

Skinfood เป็นเครื่องสำอางค์ที่ถูกผลิตขึ้นในประเทศเกาหลีใต้ มีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงโซล โดยบริษัทได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1957 Skinfood มีชื่อเสียงในเรื่องเครื่องสำอางค์ และ ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ซึ่งไม่เพียง มีชื่อเสียงในเกาหลีใต้เท่านั้น ยังมีชื่อเสียงดังไปต่างประเทศ เช่น ไต้หวัน มาเลเซีย สิงคโปร์ ไทย และ อีกหลายประเทศ สิ่งที่ทำให้ Skinfood ดึงดูดลูกค้าได้ เพราะสินค้าของ SkinFood นั้นผลิตมาจาก อาหารที่ได้จากธรรมชาติ และเป็นส่วนผสมหลักในตัวสินค้าด้วย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ SkinFood ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้



สินค้าของ SkinFood ประกอบไปด้วย Markup ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า ,ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวกาย และ ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม เป็นต้น
เรามักจะเห็น Logo ของ SkinFood ในทุก ๆ สินค้าของ SkinFood ซึ่งรูปในโลโก้ คือ “เทพผู้พิทักษ์” โลโก้ดังกล่าวออกแบบเพื่อให้สื่อความหมายให้ลูกค้าเข้าใจว่าสินค้า มีความบริสุทธิ์ และความดีงามอยู่ในตัวสินค้า โดยมีความหมายเป็นนัย ๆ ว่า SkinFood เปรียบดั่งเทพผู้พิทักษ์ ปกป้อง และ ดูแลผิวของคุณให้สดใส บริสุทธิ์ ดูสุขภาพดีอยู่เสมอ สินค้าของ Skinfood ที่ขายดีที่สุด คือ Aloe Sun BB Cream ,Peak Sake skincare line, Black Sugar Mask Wash-Off, Rice Mask Washo-Off,Coffe Body Scrub และ Carrot Collagen Eye Sheet



การวางตำแหน่งของตัวสินค้าจัดวางอย่างเป็นระเบียบ มีการแบ่งเป็นประเภทต่างๆไม่ว่าจะเป็น ประเภทบำรุงผิวตัว ประเภทบำรุงผิวหน้า หรือประเภทเครื่องสำอางค์ มีการจัดวางที่เหมาะสม มองเห็นหรือเข้าใจว่าเป็นสินค้าประเภทอะไร ได้อย่างชัดเจน


พื้นที่ในการตั้งบูธ หรือร้านค้า จะเป็นพื้นที่ที่ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย มองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นใจกลางภายในห้างสรรพสินค้าที่มีคนเดินพลุกพล่าน หรือจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของห้างที่มีคนนิยมเดินกันมากเนื่องจากมีร้านค้าหลากหลาย

ศึกษาประเภทของห้าง
ห้างสรรพสินค้า หรือเรียกสั้นๆ ว่า ห้าง คือร้านค้าขายปลีกขนาดใหญ่ซึ่งมีสินค้าหลากหลายประเภทแยกตามแผนก โดยไม่มีการขายผ่านตัวแทนจำหน่าย (ห้างเป็นผู้นำสินค้ามาขายเอง) ห้างสรรพสินค้ามักขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับเสื้อผ้า เครื่องเรือน เครื่องใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า รวมไปถึงสายผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างเช่น ฮาร์ดแวร์ สุขภัณฑ์ เครื่องสำอาง เครื่องเพชรพลอย เครื่องเขียน ของเล่น อุปกรณ์กีฬา เป็นต้น ห้างสรรพสินค้าบางแห่งอาจขายเฉพาะสินค้าลดราคา และมีพื้นที่ชำระเงินเป็นศูนย์กลาง ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่บริเวณด้านหน้าของห้าง ห้างสรรพสินค้ามักเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มของร้านค้าย่อยที่อยู่ภายใต้บริษัทเดียวกันกับพื้นที่ใกล้เคียง
ประเภทของห้างแบ่งออกเป็น
1. ห้างสรรพสินค้า เช่น เดอะมอลล์ , เซ็นทรัล , โรบินสัน
2. ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เช่น เทสโก้ โลตัส , คาร์ฟูร์ , บิ๊กซี
3. ห้างค้าปลีก-ส่ง ขนาดใหญ่ เช่น แม็คโคร
4. ซุปเปอร์มาร์เก็ต เช่น วิลล่า มาร์เก็ต , ฟู๊ดแลนด์ , ท๊อปส์ ซุปเปอร์มาร์เก็ต
5. ร้านค้าเฉพาะอย่าง เช่น โฮมโปร , บีทูเอส , วัตสัน , บู๊ท , พาวเวอร์บาย , ซูปเปอร์สปอร์ต , แว่นท๊อปเจริญ

หลักการ DisPlay
1. ตัวสินค้า
มีการแบ่งเป็นไปตามประเภทต่างๆ และยังมีการแบ่งแระจัดโชว์ ว่าตัวนี้เป็นสินค้ามาใหม่ หรือสินค้าที่มีความแต่งต่างกันอย่างไรและมีคุณสมบัติอย่างไร
2. พื้นที่สำหรับจัดแสดง
จะเป็นร้านที่มีความสวยงาม ที่มีความโดดเด่น มองเห็นได้ง่าย ตั้งอยู่ในที่ที่ผู้คนเดินผ่านไปมาเย๊อะ
3. วัสดุ หรือ การตกแต่ง
เป็นวัสดุที่มีความสวยงาม ไม่ว่าจะเป็น แจกันดอกไม้ ผ้าปูโต๊ะ และอื่นๆอีกมากมาย แล้วแต่คอนเซ็ปของแต่ละผลิตภัณฑ์ที่ต้องการนำเสนอให้ผู้คนที่พบเห็นเข้าใจได้ว่าสื่อออกไปว่าอย่างไร
4. แสงไฟ
มีการจัดแสงไฟไปที่ตัวบูธของสิ้นค้าและตัวสิ้นค้าเพื่อเป็นการส่องสว่างให้สินค้ามีความโดดเด่น และยังเป็นการนำพาสายตาของผู้ที่มอง ทำให้บรรยากาศดูมีมิติ ไม่แบน
5. แผ่นป้าย
นับว่าเป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เนื่องจากเป็นที่ที่สื่อสาร ให้ข้อมูลเฉพาะของสินค้า ไม่ว่าจะเป็น คุณสมบัติ ประโยชน์ ราคา สี รูปทรง ขนาด ให้กับลูกค้าว่ามีอะไรบ้าง คืออะไรบ้าง เพื่อเป็นการช่วยในการตัดสินใจซื้อสินค้านั้นๆ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Project 1 (VELLII BAROQUE)

Project 1
วิชา : ARTI3410
โดย นางสาว ดารดา วิจิตรทองแสง
สาขาวิชา ศิลปกรรม (ออกแบบประยุกต์ศิลป์)
ภาควิชามนุษยศาสตร์
คณะ มนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์
มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม
ผู้สอน อาจารย์จารุณี เนตรบุตร
ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553



ความเป็นมาของการออกแบบเครื่องประดับ
เครื่องประดับเป็นสิ่งหนึ่งในกระแสวัฒนธรรมที่ใช้ควบคู่มากับเสื้อผ้าเครื่อง แต่งกายอื่นๆร่างกาย รูปร่างของผู้ใช้มีส่วน ที่จะเน้นให้เห็นความเหมาะสม หรือไม่เหมาะสมระหว่างเครื่องประดับ กับเครื่องแต่งกายได้มาก เช่น คนรูปร่างผอมสูง ใช้เครื่องประดับสีเข้ม ขนาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นต่างหู สร้อยคอ เข็มกลัด ความขัดแย้งจะเห็นออกมาอย่างชัดเจน ตรงกันข้ามกับคนที่มีรูปร่าง อ้วนใหญ่ ถ้าใช้สร้อยคอสั้น ใหญ่ ติดคอจะทำให้เห็นความไม่เหมาะสมนั้นอย่างชัดเจนเช่นกัน ดังนั้น ก่อนที่จะเลือกเครื่องประดับ ผู้ใช้จะต้องศึกษาถึงสภาพแท้จริงของรูปร่าง สีผิว บุคลิก ของตัวเองก่อน เพื่อให้สามารถเลือก เครื่องประดับได้เหมาะสมจึงนำเสนอในรูปแบบของงานออกแบบเครื่องประดับที่ผู้บริโภคสามารถนำไปใช้ในโอกาสต่างๆ เช่นเป็นของขวัญในเทศกาล หรือสามารถสวมใส่ไปงานต่างๆได้ทุกเวลา เนื่องจากเครื่องประดับเป็นโทนสีขาวดำจึงดูมีความเรียบง่ายหรูหราผสมผสานกับลูกไม้ทำให้เครื่องประดับแฝงไปด้วยความหวานและน่ารัก นอกจากนั้นยังมีความมันวาวของโลหะที่มีเส้นโค้งสื่อถึง BAROQUE ให้ดูมีความน่าสนใจน่าสวมใส่มากขึ้นอีกด้วย โดยกลุ่มเป้าหมายที่ทางแบรนด์ VELLII BAROQUE คือกลุ่มหญิงวัยรุ่น หรือสาวประเพศสอง ที่มีอายุตั้งแต่ 15 – 30 ปี เพราะเป็นกลุ่มที่อยู่ในช่วงที่ไม่ เด็กและไม่โต จนเกินไป และยังมีความต้องการที่จะแต่งตัวมากกว่าช่วงอายุอื่น และอีกทั้งยังสามารถใส่ได้ทุกโอกาส จนทำให้เป็นที่ต้องการของคนทุกวัย

BRANDING

VELLII BAROQUE : VELLII เป็นชื่อของผู้ผลิต BAROQUE เป็นชื่อของศิลปะยุคหนึ่งที่ให้คุณค่าความงาม ด้านสัดส่วนลวดลายซึ่งเหมาะสมและเข้ากันกับเครื่องประดับได้เป็นอย่างดีโดยเครื่องประดับของเรามีจังหวะจากความพลิ้วไหวของการจับจีบ ความมันวาวของโลหะและอัญมณีสีขาวที่มีความสมดุลของสีและขนาดที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป โดยมีลูกไม้ที่ดูหวานมาผสมผสานกับโลหะที่มีความขัดแย้งกันแต่นำมาออกแบบให้กลมกลืนกันโดยใช้เส้นโค้งที่คล้ายกันทำให้เครื่องประดับมีความลงตัวแระสวยงามส่วนโลโก้พื้นหลังเป็นการนำเอาลวดลายดอกไม้ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับพรรณพฤกษาในสไตล์ BAROQUE ใช้ฟอนต์ตัวหนังสือที่มีลวดลายการจับจีบมีเส้นโค้ง สามารถสื่อถึง BAROQUE ได้เป็นอย่างดีโลโก้รูปผู้หญิงให้คุณค่าทางด้านความงามขณะสวมใส่เครื่องประดับ สีขาวดำสื่อถึงความเรียบง่าย และหรูหรา ส่วนตัวบรรจุภัณฑ์นำเอาLOGOมาใส่ด้านในของถุงใยแก้วเพื่อเป็นตัวยึดให้ติดกับตัวPRODUCTให้เห็นได้ชัดเจนและดูดีมีระดับยิ่งขึ้น
ขั้นตอนในการออกแบบ

เริ่มจากการศึกษาคนคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับ ศิลปะยุคบารอค และถ่ายถอดออกมาให้ผู้ซื้อสามารถเข้าใจได้ว่าเราสื่อเครื่องประดับสไตล์บารอคที่มีความสวยงาม จากนั้นก็ลงพื้นที่สำรวจตลาดของสิ้นค้าว่าในตลาดตอนนี้ความต้องการเป็นแบบไหนผู้ซื้อต้องการแบบไหนสิ้นค้าแบบไหนที่ขายดีและขายได้มาตลอด ต่อด้วยขั้นตอนการคิดออกแบบสิ้นค้าตามที่เราได้เลือกมาจากการไปศึกษาข้อมูลและสำรวจตลาดจนได้มาเป็นชุดเครื่องประดับ ที่ประกอบไปด้วย ที่คาดผม ต่างหู และสร้อยข้อมือ ที่สามารถสวมใส่ได้ทุกโอกาส เริ่มจากการออกแบบที่คาดผมเป็นการนำเอาโลหะเส้นที่ใช้ทำเครื่องประดับทั่วไปที่มีความธรรมดาแต่เป็นสีที่มีความงามเหมาะกับศิลปะยุคบารอคมารวมกับผ้าลูกไม้ที่มีความอ่อนหวานและลูกปัดที่มีความแวววาว สวยงามคล้ายกับเพชรแต่มีราคาที่ถูกกว่ามากและยังให้ความรู้สึกที่หรูหรา จนได้ออกมาเป็นเครื่องประดับที่มีความลงตัว สวยงาม สื่อถึงศิลปยุคบารอคได้เป็นอย่างดี สวนต่างหูและสร้อยข้อมือเป็นการออกแบบให้มีความคล้ายคลึงกันมาก เป็นการนำเอาโลหะชนิดที่ทำเครื่องประดับที่มีสีที่สื่อถึงความเป็นศิลปะยุคบารอคและยังมีความทนทานสวยงามรวมเข้ากับผ้าลายลูกไม้ที่มีความอ่อนหวาน และยังสอดคล้องกันที่คาดผมอีกด้วย จนทำให้ ต่างหู ที่คาดผม และสร้อยข้อมือ สื่อถึงความงามของศิลปะยุคบารอคได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการออกแบบให้สามารถใส่ได้ทุกโอกาสและเข้ากันเป็นอย่างดี

IDEA SKETCH
เริ่มจากการนำโลหะเส้นและโลหะที่เรามีมาทำเป็นดอกไม้แล้วติดเข้ากับผ้าลายลูกไม้ จนกลายเป็นจุดเด่นที่มีความพอดีและสวยงามมาติดไว้ด้านบนของที่คาดผมที่เราเตรียมไว้และต่อด้วยการนำลูกปัดที่แวววาว มาติดด้านข้างของตัวที่คาดผมจนได้ออกมาเป็นที่คาดผมที่มีความสวยงาม สื่อถึงศิลปะยุคบารอดได้เป็นอย่างดี ต่อด้วยการทำสร้อยข้อมมือ เริ่มจากการนำโลหะแบบวงที่มีสีที่สื่อถึงศิลปะยุคบารอค มาร้อยเรียงกันจนได้ขนาดที่พอดีกับข้อมมือ และเพิ่มผ้าลูกไม้ที่มีความอ่อนหวานและสวยงามร้อยผ่านตามรูของโลหะแบบวงที่เราร้อยเอาไว้จนได้ออกมาเป็นสร้อยข้อมือที่มีความสวยงามไม่ใหญ่หรือเกะกะจนเกินไป และการออกแบบต่างหูก็เป็นก่รนำเอาแผ่นโลหะฉลุลายที่มีสีที่สื่อถึงศิลปะยุคบารอคได้เป็นอย่างดีมาร้องเรียงไล่ลงมาให้เกิดความลงตัวที่สวยงาม ที่ไม่มากไปหรือน้อยไป ทำให้เวลาสวมใส่ไม่หนักมากและใหญ่มากจนรู้สึกว่ารำคาญ
CONCEPT SKETCH

เริ่มจากที่คาดผมเป็นแนวคิดที่เป็นการนำศิลปะยุคบารอคมาผสมผสานกันจนได้ออกมาเป็นที่คาดผมที่เป็นการนำลูกปัดแวววาด มาเรียงติดกันจนเกิดเป็นจังหวะ (Rhythm) ที่มีความสม่ำเสมอมีช่องว่างเว้นระยะที่เท่ากันจนออกมามีความสวยงาม และการนำโลหะมาทำเป็นดอกไม้ที่มีขนาดพอดีและเป็นรูปทรงที่ดูออก (UNITY) สื่ออกมาให้เข้าใจง่ายและยังนำมาเน้นทำให้เกิดจุดเด่น (EMPHASIS FOR DOMINENCE) ที่มองเห็นได้อย่างเด่นชัด และยังมีผ้าลูกไม้ที่นำมาทำเป็นโบว์ ด้วยลวดลายของตัวผ้า ดอกไม้โลหะและลูกปัดที่นำมาติดเข้าด้วยกันจนทำให้เกิดความกลมกลืน (HAMONG) สวยงาม
ส่วนสร้อยข้อมือเป็นการนำเอาโลหะวงๆที่มีขนาดเท่ากันมาร้อยเรียงเข้าด้วยกันจนเกิดเป็นจังหวะ (RHYTHM) ที่มีระยะช่องว่างที่พอดีกันจนได้ออกมาเป็นตัวสร้อยข้อมืออีกทั้งยังนำเอาผ้าลูกไม้มาสอดเข้าไประหว่างช่องว่างของตัวสร้อยทำให้เกิดความสวยงามมีความกลมกลืน (HAMONG)
ส่วนต่างหูเป็นการนำเอาแผ่นโลหะที่ใช้ทำเครื่องประดับที่มีลายฉลุที่สวยงามมาร้อยเรียงทับซ้อนจนเกิดเป็นจังหวะ (RHYTHM) ที่ออกมาสวยงามและยังมีรูปทรงที่เป็นเอกภาพ (UNITY) ชัดเจน สวยงาม


ชื่อสิ้นค้า : Vellii Baroque Headdress
ความต้องการของตลาด : ส่งขายตามร้าน Gift Shopทั่วไป ทั้ง ภายในห้างสรรพสินค้าและนอกห้างสรรพสินค้า
ใช้ในโอกาส : สามารถสวมใส่ได้ทุกงาน ไม่ว่าจะเป็น ใส่ไปทำงาน ใส่ไปงานแต่งงาน งานเลี้ยง หรือไปเที่ยว และยังสามารถสวมใส่ได้
พฤติกรรมการใช้งาน : สามมารถใส่ได้ตลอดทั้งวัน หลีกเลี่ยงการโดนน้ำเพราะจะทำให้ลูกไม้เปียกได้ และน้ำหอมเพราะจะทำให้สีโลหะเปลี่ยนไป
ยี่ห้อของสิ้นค้า : Vellii Baroque
กลุ่มผู้บริโภค : สามารถสวมใส่ได้ทุกวัย แต่จะเน้นไปที่กลุ่มวัยรุ่น ช่วงอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป